เวิลด์คัพฉบับรัสเซียเดินทางเข้าสู่โค้งสุดท้ายถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว โดย ฝรั่งเศส ผ่าน เบลเยียม เข้าไปรอแล้วหนึ่งทีม มาเช็กกันว่า ตารางบอลโลก2018
พร้อมช่องถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกวันนี้ ลงสนามในเวลาไหน พร้อมมีเกร็ดข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาฝากกัน
01.00 น. โครเอเชีย พบ อังกฤษ ถ่ายทอดสด: ช่อง 5, True4U (24), อมรินทร์ทีวี (34)
- นี่คือการพบกันครั้งแรกในรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก
- 5 จาก 6 เกมคู่นี้เจอกันหลังสุดมีการยิงประตูรวมเกินนัดละ 2.5 ประตู
- อังกฤษ ยิงอย่างน้อย 2 ประตูใน 5 จาก 6 เกมเจอ โครเอเชีย หลังสุดในทุกรายการ
- อังกฤษ ชนะ โครเอเชีย ตลอด 2 นัดหลังในรอบคัดเลือกบอลโลก 2010 บุกชนะ 4-1 เมื่อ 10 ก.ย. 2008 และเปิดบ้าน ย้ำชัย 5-1 เมื่อ 9 ก.ย. 2009 และไม่เคยเจอกันอีกเลยกระทั่งนัดนี้
- จาก 2 นัดเจอกันล่าสุด แข้งตาหมากรุกที่ยังในทีมชุดนี้มี เวอร์ดาน ชอร์ลูก้า, ลูก้า โมดริช, อีวาน ราคิติช, มาริโอ มานด์ซูคิช และดานิเยล ซูบาซิช ขณะที่ อังกฤษ ไม่มีนักเตะคนไหนหลงเหลือในทีมชุดนี้อีกแล้ว
- คู่นี้เจอกันในรอบสุดท้ายทัวร์นาเมนต์ใหญ่หนเดียวคือยูโร 2004 รอบแรก ที่ อังกฤษ ชนะ 4-2 เมื่อ 21 มิ.ย. 2004
- โครเอเชีย ไร้พ่ายตลอด 6 เกมหลังรวมทุกรายการ (ชนะ 4 เสมอ 2) ตั้งแต่อุ่นแข้งแพ้ บราซิล 0-2 เมื่อ 3 มิ.ย.
- โครเอเชีย ไร้พ่ายตลอด 9 เกมบอลโลกหลังสุด (รวมรอบคัดเลือก) ชนะ 5 เสมอ 4 ตั้งแต่บุกแพ้ ตุรกี 0-1 ในรอบคัดเลือกบอลโลก เมื่อ 6 ก.ย. 2017
- นับเฉพาะเกมบอลโลกรอบสุดท้าย โครเอเชีย ไร้พ่าย 5 นัดติดต่อกัน (ชนะ 3 เสมอ 2) ตั้งแต่แพ้ เม็กซิโก 1-3 นัดส่งท้ายรอบแรก เวิลด์ คัพ 2014 เมื่อ 23 มิ.ย. 2014
- อังกฤษ แพ้หนเดียวจาก 16 เกมบอลโลกหลังสุด (รวมรอบคัดเลือก) ชนะ 11 เสมอ 4 คือเกมส่งท้ายรอบแรกที่เสียท่า เบลเยียม 0-1 เมื่อ 28 มิ.ย.
- อังกฤษ แพ้หนเดียวจาก 15 เกมหลังรวมทุกถ้วย (ชนะ 10 เสมอ 4)
- นับเฉพาะเกมบอลโลกรอบสุดท้าย อังกฤษ แพ้หนเดียวจาก 6 เกมหลังสุด (ชนะ 3 เสมอ 2)
- 3 เกมบอลโลกหลังสุดของ อังกฤษ มีการยิงประตูรวมน้อยกว่านัดละ 2.5 ประตู
สรุปอันดับดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2018
6 ประตู : แฮร์รี่ เคน (อังกฤษ)
4 ประตู : โรเมลู ลูกากู (เบลเยียม), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (โปรตุเกส) ,เดนิส เชอรีเชฟ (รัสเซีย)
3 ประตู : อองตวน กรีซมันน์ (ฝรั่งเศส), คีลิยัน เอ็มบัปเป้ (ฝรั่งเศส), อาร์ตียอม ชียูบา (รัสเซีย), เอดิสัน คาวานี่ (อุรุกวัย) ,เยอร์รี่ มิน่า (โคลอมเบีย), ดีเอโก้ คอสต้า (สเปน)
2 ประตู : เอแด็น อาซาร์ (เบลเยียม), จอห์น สโตนส์ (อังกฤษ), ลูก้า โมดริช (โครเอเชีย), เนย์มาร์ (บราซิล), หลุยส์ ซัวเรซ (อุรุกวัย), อาห์เหม็ด มูซ่า (ไนจีเรีย), ฟิลิเป้ คูตินโญ่ (บราซิล), โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ (อียิปต์), ไมล์ เยดินัค (ออสเตรเลีย), ซน ฮึง-มิน (เกาหลีใต้), เซร์คิโอ อเกวโร่ (อาร์เจนตินา), ทาเคชิ อินูอิ (ญี่ปุ่น)
1 ประตู : เควิน เดอ บรอยน์ (เบลเยียม), มารูอาน เฟลไลนี่, (เบลเยียม), นาเซอร์ ชาดลี่ (เบลเยียม), อัดนาน ยานาไซ (เบลเยียม), ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนตินา), มาร์โก รอยส์ (เยอรมัน), เคซึเกะ ฮอนดะ (ญี่ปุ่น), อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน (รัสเซีย), อาร์เวียร์ เอร์นานเดซ (เม็กซิโก), มาร์กอส โรโฮ (อาร์เจนตินา), คริสเตียน อิริคเซ่น (เดนมาร์ก), เจสซี่ ลินการ์ด (อังกฤษ), ราดาเมล ฟัลเกา (โคลอมเบีย), ชินจิ คางาวะ (ญี่ปุ่น), ยาโก้ อาสปาส (สเปน), ราฟาเอล วาราน, ซามูเอล อุมติตี้ (ฝรั่งเศส)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น